รีวิว alfaparf crystalli liquidi illuminating serum ของดีที่มาชิงตำแหน่งลูกรักไปจาก kerastase oleo realx

5351 จำนวนผู้เข้าชม  | 

รีวิว alfaparf crystalli liquidi illuminating serum ของดีที่มาชิงตำแหน่งลูกรักไปจาก kerastase oleo realx

หลังจากยืดผม [ภาค2 รีวิวการยืดผม]  ถึงวันนี้ก็ผ่านไป 3 เดือนครึ่งแล้ว ผมยังตรงอยู่ แต่ไม่ตรงแบบไม้บรรทัด ออกแนวตรงธรรมชาติ ดูไม่ออกว่าไปยืดมา แล้วแต่คนชอบนะ บางคนชอบให้ตรงเหยียด แต่เราชอบให้ตรงแบบธรรมชาติแบบนี้แหละ

ในช่วง 3 เดือน [มกรา-มีนา 2560] หลังจากยืดผม ยังคงใช้ผลิตภัณฑ์ที่อยู่ใน รีวิวภาค 1 + รีวิว ภาค 2 สลับไปมา และมีไอเทมใหม่เพิ่มมาอีก 2 ชิ้น คือ 

1. แพนทีโปรวี 3 มินิท มิราเคิล รุ่นญาญ่าเป็นพรีเซนเตอร์ ใช้แทนครีมนวดผม
2. แชมพูลอรีอัล  evercream  nourishing จากวัตสัน รุ่นนี้เคลมสำหรับผมแห้งไร้น้ำหนัก

2 ไอเทมที่เพิ่มเข้ามาในช่วง มกราคม-มีนาคม 2560

 

ด้วยความที่มีผลิตภัณฑ์สระสมและหมักผมเยอะ เราก็เลยลอง DIY ผสมกันไปมาหลายๆแบบ แล้วดูว่าสูตรไหนลงตัวสุด สรุปว่า

1. แชมพูที่ดีที่สุดตอนนี้ คือ Loreal evercream สระแล้วสะอาด ผมไม่แห้ง
2. สูตรหมักผมที่ดีที่สุดตอนนี้ คือ แพนทีโปรวี 3 มินิท มิราเคิล ผสมกับ joico k-pak หมักผมไว้ 3-5 นาที 

แม้ว่าจะมีตัวหมักผม น้ำมันใส่ผมหลายตัวช่วยกัน แต่เราไม่ได้ดูแลอย่างสม่ำเสมอ หมักบ้างไม่หมักบ้าง  น้ำมันใส่ผมก็ใส่บ้างไม่ใส่บ้าง ตอนนี้รู้สึกว่าปลายผมเริ่มกระด้างแล้ว เวลาลูบผมจะสะดุดที่ปลายผม รู้สึกว่ามันแห้ง กรอบ พันกัน สางได้ไม่ตลอดเส้น  ฉันต้องหาตัวช่วยใหม่ๆมากู้ปลายผมฉันคืนอีกแล้วละสิ การเดินทางตามหามิตรแท้ของเส้นผมก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง 

 

ขับรถพุ่งไปร้านเดิมเพื่อซื้อเซรั่มอบผมที่เคยใช้ประจำ นั่นก็คือ  alfaparf รุ่นไดมอนด์น้ำสีฟ้า  เดชะบุญเหมือนจะได้เจอเนื้อคู่ใหม่ เซรั่มอบผมของหมดเกลี้ยง กว่าจะเข้าก็อีก 1 เดือน เราเลยได้อีกอันมาแทน มันชื่อว่า  alfaparf crystalli liquidi illuminating serum ชื่อยาวจำยาก เรียกง่ายๆว่า เซรั่มเมล็ดลินิน เพราะมีส่วนผสมของน้ำมันจากเมล็ดลินินนั่นเอง



alfaparf crystalli liquidi illuminating serum

 

ที่ตัดสินใจซื้อเพราะเคยได้อ่านรีวิวมาบ้างแล้ว จาก บล็อกพี่แป๊ะ แต่ก็ยังไม่เคยตั้งใจจะไปซื้อซะที เพราะของเดิม คือ  kerastase oleo realx serum นั้นยังใช้ไม่หมด  แต่วันนั้นมันเหมือนกลัวเสียเที่ยว ไม่ได้เซรั่มอบไอน้ำก็ขอมีอย่างอื่นติดไม้ติดมือกลับมา แล้วก็สมปรารถนา ไม่ผิดหวังกับแบรนด์นี้จริงๆ

 

 

ส่วนผสมข้างกล่อง

 

ส่วนผสมประกอบด้วย

  1. ซิลิโคน : cyclopentasiloxane , Dimethicone, Disiloxane, Dimethiconal
  2. สารกันแดด : Ethylhexly dimethyl PABA
  3. น้ำหอม : Parfum (Fragrance)
  4. น้ำมันจากธรรมชาติ : น้ำมันดอกทานตะวัน Helianthus annuus (sunflower) seed oil , น้ำมันเมล็ดลินิน Linum Usitatissimum (Linseed) Seed Oil 
  5. วิตามินอี : Tocopheryl Acetate (Vitamin E)
  6. ที่เหลือ : น้ำมันหอมระเหยเพื่อแต่งกลิ่น / สีสำหรับแต่งสีเหลืองทองสวยงาม

ถ้าเปรียบเทียบส่วนผสมตัวนี้กับ Kerase oleo relax จะอยู่ในแนวๆเดียวกันคือ มีซิลิโคนนำมาก่อนตามด้วยน้ำมันจากพืชธรรมชาติ แล้วก็สารแต่งสี แต่งกลิ่น  แต่ผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นอย่างไร คงขึ้นกับสภาพผมของแต่ละคน และการผสมสูตรออกมาให้ได้ฟีลลิ่งที่ดี คือ เมื่อทาลงบนผมแล้ว ผมลื่น มีน้ำหนัก สปริงตัวดี ไม่ชี้ฟู และไม่เหนียวระหว่างวัน

 

ปั๊มหรูหรา กับขวดแก้วใสโชว์ให้เห็นเนื้อเซรั่มเหลืองทอง กลิ่นหอมจางๆ

เนื้อเซรั่มนุ่ม ลื่น ข้นกำลังดี ไม่หนักและไม่บางไป ใช้ครั้งละ2-3 ปั๊มสำหรับผมยาวประบ่า ลูบบนผมที่กำลังหมาดๆแล้วจัดทรงตามต้องการ เมื่อผมแห้ง ก็เอาเซรั่มลูบบางๆอีกรอบ ผมจะนิ่ม ไม่พัน ทิ้งตัวมีน้ำหนักดีมากๆ

ขวดปั๊มใช้ง่าย เวลาปั๊ม เนื้อเซรั่มไม่รั่วออกมาตามคอปั๊มเหมือนตัว oleo relax ที่ใช้ไปนานๆจะเกิดอาการคอปั๊มเริ่มรั่ว เริ่มควบคุมปริมาณลำบาก แต่ว่าตัว alfaparf นี่ก็มีข้อด้อยนะ หัวปั๊มกระเด้งหลุดง่าย แต่ก็สวมเข้าไปใหม่ได้ไม่ยาก ไม่มีปัญหาค่ะ

ขนาดบรรจุ 50 มล. ได้มาในราคา 590 บาท ราคาก็ขึ้นๆลงๆนะตัวนี้  ราคาขายในท้องตลาดทั่วไป 800-1200 บาท ถูกแพงต่างกันค่อนข้างมากนะ ต้องหาดีๆ 

แล้วพบกันใหม่กับ item หน้านะคะ 


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้